วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555


กาพย์พระไชยสุริยา


ประวัติ ท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๓ - ๒๓๘๕ ขณะที่บวชเป็นพระอยู่ทีวัดเทพธิดาราม ท่านแต่งเป็นกาพย์ซึ่งแทรกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย ในเรื่องของมาตราตัวสะกดแม่ต่าง ๆ เช่น แม่กก กง กน กด กบ และเกย เป็นต้น นอกจากนั้นยังสอดแทรกคติธรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์อีกด้วย
      ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) แต่งตำราภาษาไทยขึ้น ท่านได้นำกาพย์พระไชยสุริยามาแทรกไว้ในหนังสือมูลบท บรรพกิจ ซึ่งเป็นแบบเรียนเล่มแรกในทั้งหมด ๖ เล่ม

ทำนองเเต่ง เเต่งด้วยกาพย์ยานี กาพย์ฉบัง เเละ กาพย์สุรางคนางค์

เรื่องย่อ
          พระไชยสุริยาเป็นเรื่องราวของพระไชยสุริยากษัตริย์ครองเมืองด้วยความสงบเรียบร้อยมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งมีน้ำท่วมจนบ้านเมืองล่มสลายไป พระไชยสุริยาพร้อมกับนางสุมาลีพระมเหสีและนางกำนัลหนีลงเรือ แต่ก็ถูกพายุพัดจนเรือแตก คลื่นซัดพระไชยสุริยากับพระนางสุมาลีเข้าฝั่ง ทั้งสองต้องเดินทางอยู่กลางป่าจนพบกับฤาษีตนหนึ่ง ฤาษีได้บอกถึงสาเหตุที่ทำให้บ้านเมืองพังพินาศว่า ด้วยข้าราชสำนักทั้งหลายประพฤติชั่ว รับสินบนไม่รักษาความยุติธรรม ฟ้าดินจึงลงโทษให้ได้รับความเดือดร้อน ฤาษีได้แนะนำให้พระไชยสุริยา และพระนางสุมาลีรักษาศีลปฏิบัติธรรม ต่อมาทั้งสองพระองค์ได้ออกบวชและบำเพ็ญธรรมจนสิ้นพระชนม์ชีพ ดังจะคัดมาเป็นตอนมาให้อ่าน ดังต่อไปนี้

แม่กก

ขึ้นกกตกทุกข์ยาก                 แสนลำบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ                             กินผลไม้ได้เป็นแรง
รอนรอนอ่อนอัษดงค์                            พระสุ่ริยงเย็นยอแสง
ช่วงดังน้ำครั่งแดง                  แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
ลิงค่างครางไครกครอก                        ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
ชะนีวิเวกวอน                        นกหกร่อนนอนรังเรียง
ลูกนกยกปีกป้อง                   อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
แม่นกปกปีกเคียง                  เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร

แม่กด

ขึ้นกดบทอัศจรรย์                  เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวง                      สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
แดนดินถิ่นมนุษย ์                  เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรง                          โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน
บ้านช่องคลองเล็กใหญ่                        บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน                         ลุกโลดโผนโดนกันเอง
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง                           ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวง                        โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง

แม่ กบ

ขึ้นกบจบแม่กด                       พระดาบสบูชากูณฑ์
ผาสุกรุกขมูล                          พูนสวัสดิ์สัตถาวร
ระงับหลับเนตรนิ่ง                    เององค์อิงพิงสิงขร
เหมือนกับหลับสนิทนอน           สังวรศีลอภิญญาณ
บำเพ็งเล็งเห็นจบ                    พื้นพิภพจบจักรวาล
สวรรค์ชั้นวิมาน                      ท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
เข้าฌานนานนับเดือน              ไม่เขยื้อนเคลื่อนกายา
จำศีลกินวาตา                        เป็นผาสุกทุกเดือนปี
วันนั้นครั้นเดินไหว                   เกิดเหตุใหญ่ในปฐพี
เล็งดูรู้คดี                              กาลกิณีสี่ประการ
ประกอบชอบเป็นผิด                กลับจริตผิดโบราณ
สามัญอันธพาล                      ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
ลูกศิษย์คิดล้างครู                   ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
ส่อเสียดเบียดเบียนกัน                        
ลอบฆ่าฟันคือตัณหา

โลภลาภบาปบ่คิด                    โจทย์ผิดริษยา
อุระพสุธา                               ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
บรรดาสามัญสัตย์                     เกิดวิบัติปัตติปาปัง
ไตรยุคทุกขตะรัง                      สังวัจฉระอวสาน


แม่กม

ขึ้นกมสมเด็จจอมอารย์                         เอ็นดูภูบาล
ผู้ผ่านพาราสาวะถี                               
ซื่อตรงหลงเล่ห์เสนี                             กลอกกลับอัปรีย์
บูรีจึงล่มจมไป                       
ประโยชน์จะโปรดภูวไนย                      นิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสสำเร็จเมตตา                           
เปล่งเสียงเพียงพิณอิ่นทรา                    บอกข้อมรณา
คงมาวันหนึ่งถึงตน     
          
แม่เกย

ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย                          ไม้เรียวเจียวเหวย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว                
หันหวดปวดแสบแปลบเสียว                  หยิกซ้ำซ้ำเขียว
อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจำ                       
บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม                      เรียงเรียบเทียบทำ
แนะนำให้เจ้าเอาบุญ                           
เดชะพระมหาการุญ                             ใครเห็นเป็นคุณ
แบ่งบุญให้เราเจ้าเอยฯ    
     
แม่กง

กลางไพรไก่ขันบรรเลง                         ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง                           
ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง                       เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง                  
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง                พระยาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง                         
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง                     เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง                             
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง                         ค่างแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง                        
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง                          อึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป

แม่ก กา

ชื่อพระไชยสุริยา                   มีสุดามะเหษี
ชื่อว่าสุมาลี                          อยู่บูรีไม่มีไภย
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา                   มีกริยาอะฌาสัยพ่อค้ามาแต่ไกล                   
ได้อาศัยในพารา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น