วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ร้อยกรองคำคม


ร้อยกรองคำคม


ดอกไม้มีหนามแหลม
มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม
ความอุดมแห่งผืนดิน

...................................

คืนนี้มืด ใช่มืดสนิท
ไฟดวงนิด ยังมีแสง
ขอเพียงลม พัดมาแรง
เถ้ามอดแดง ก็จะลาม

.....................................

ที่รัก...รีรอร้องร่ำทำไม
รีบก้าวต่อไปข้างหน้า
ทิ้งฉันไว้ ทิ้งฉันไว้ จะตายช้าช้า
หากคุณค่าได้สืบต่อฉันพอใจ
..........................................

ฉันคือกรวดเม็ดร้าว
แหลกแล้วด้วยความเศร้า หมองหม่น
ปรารถนาเป็นธุลีทุรน
ดีกว่าทนกลั้นใจอยู่ใต้น้ำ

............................................

จาก ใบไม่ที่หายไป ของ จิระนันท์ พิตรปรีชา 
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบค้า
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ฯ

......................................................................

กบเกิดในสระใต้ บัวบาน
ฤาห่อนรู้รสมาลย์ หนึ่งน้อย
ภุมราอยู่ไกลสถาน นับโยชน์ ก็ดี
บินโบกมาค้อยค้อย เกลือกเคล้าเสาวคนธ์ฯ

.........................................................................

ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยะแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า
ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทาฯ

..........................................................................

เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณาฯ
..........................................................................
รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกัน บ่ แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม่มาบังฯ
..........................................................................

ก้านบัวบอกตื้นลึก ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายดินแสลงฯ

...................................................................

จาก โคลงโลกนิติ ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร 

................................................................

นานประเทศล้วน นับถือ
คนที่รู้หนังสือ แต่งได้
ใครเกลียดอักษรคือ คนป่า
ใครเยาะกวีไซร้ แน่แท้คนดง
...............................................................
หวานใดไม่หวานนัก
เท่ารสรักสมัครสม
ไร้รักหนักอารมณ์
หวานเหมือนขมอมโศกา

.................................................................

นารีแม้ไร้สรรพ ภูษณา
ผัวก็เป็นอาภรณ์ พิลาศ
แม้ไร้ซึ่งภรรดา งามเหือด
ถึงจะแต่งรัตนมาษ ไป่พร้อมโสภา

.................................................................
จาก พระนลคำหลวง 
...............................................................

ผืนแผ่นดินสิ้นฟ้ากว้างกว่ากว้าง
อ้างว้างลำเค็ญความเป็นอยู่
เธอที่รักกาลเวลาจะเป็นครู
การต่อสู้ช่วยชี้ค่าชีวิต

...........................................................

รักเรียน เรียนรักตระหนักค่า
มีวิชาติดตัวอย่ากลัวหม่น
อย่ากลัวความอาภัพและอับจน
เพราะมีรักในตัวตนคอยติดตาม

............................................................

ดาวหม่นดวงนั้นร่วงไปแล้ว
แต่หลายดวงจะทอแววบรรเจิดจ้า
ตราบโลกยังมีกาลเวลา
คนกล้าก็ย่อมเกิดในแผ่นดิน

..............................................................

ไปเถิดผองเพื่อนและน้องพี่
วันนี้วันหน้าอย่าร้องไห้
ทำความดีใครไม่เห็นไม่เป็นไร
ขอดวงใจเธอแกร่งกล้าพร้อมท้าชิง

.............................................................

ก้าวมากี่ก้าวผ่านหนาวร้อน
ประสบการณ์ชีวิตสอนล้วนแปลกใหม่
ยากนักจักแจ้งและเข้าใจ
ทำไมชีวิตต้องอับจน

................................................................

โลกยังหมุนเวียนเปลี่ยนด้าน
ฟ้าผ่านผสานผสมสี
มีสิความหวังเธอยังมี
อาจเป็นพรุ่งนี้หรือนิรันดร์

.................................................................

เอเป็นคนกล้าฝ่าชีวิต
ไยคิดประชดด้วยทดท้อ
หากเหนื่อยหนักจงพักผ่อนให้เพียงพอ
แล้วลุกก้าวเดินต่อเส้นทางตน

...............................................................

จาก เอื้อมรุ้งมาทอฝัน ของ จุฬา ละคร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น